วิธีการใช้ Verb Tesnse ในรูปอดีต (Past), ปัจจุบัน (Present) และอนาคต (Future)
หลักการใช้ Verb Tenses (การเปลี่ยนรูปเวลา)เป็นสิ่งสำคัญในการใช้ภาษาอังกฤษ เนื่องจากช่วยให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อไหร่ และยังช่วยแสดงความสัมพันธ์ของเหตุการณ์กับเวลาที่เกิดขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม การใช้ Verb Tenses อาจเป็นเรื่องที่ลำบากสำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษ เนื่องจาก Verb Tenses มีหลายประเภท และมีความหมายที่แตกต่างกันไปตามบทบาทของเวลา และสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้น เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจ Verb Tenses ได้อย่างถูกต้อง ในบทความนี้เราจะมาอธิบายแนวทางในการใช้ Verb Tesnse ในรูปอดีต (Past), ปัจจุบัน (Present) และอนาคต (Future)
สารบัญ
กริยาอดีต (Past Tense)
Past Tense หรือกริยาอดีตใช้กริยาในการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยปกติแล้ว Past Tense จะเป็นคำกริยาที่เติม -ed และเป็นกริยาที่มีการเปลี่ยนแปลงรูป โดยจะแบ่งเป็น
1. Regular Past Tense:
เป็นกริยาอดีตของกริยาปกติ (Regular Verb) ที่ใช้รูปเดียวกับกริยาปัจจุบัน และเติม -ed เข้าไปที่ท้ายคำ ตัวอย่างเช่น
walk → walked, talk → talked
2. Irregular Past Tense:
เป็นกริยาอดีตของกริยาผิดกฏ (Irregular Verb) ที่มีการเปลี่ยนรูปให้เป็นกริยาอดีตและซึ่งคุณจะต้องท่องจำคำศัพท์และการเปลี่ยนรูปของคำนั้นๆ ตัวอย่างเช่น
go → went, eat → ate, see →saw
ตัวอย่างเช่น
- I studied English last year. ปีที่แล้วฉันเรียนภาษาอังกฤษ
- I went to the park. ฉันไปสวนสาธารณะมา
ในกรณีที่ใช้กริยาช่วย (auxiliary verbs) เช่น “be,” “have,” “do” เพื่อระบุการกระทำในอดีต นักเรียนสามารถใช้ “was,” “were,” “had,” “did” เช่น “I was studying English when she arrived.” (ฉันกำลังเรียนภาษาอังกฤษเมื่อเธอมาถึง)
หลักการเปลี่ยนคำกริยาปกติให้เป็นรูปอดีต
- หากคำกริยาลงท้ายด้วย y จะต้องเปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -ed เช่น try-tried, dry-dried, carry-carried เป็นต้น
- กริยาที่ลงท้ายด้วย e อยู่แล้วให้เติมแค่ d เช่น agree-agreed, divide-divided, provide-provided
หลักการใช้คำกริยาช่วยใน Past Tense
- กริยาช่วย do/does: เปลี่ยนเป็น did
- กริยาช่วย be: เปลี่ยนเป็น was/were โดย was จะใช้กับประธานที่เป็นเอกพจน์ และ were จะใช้กับประธานที่เป็นพหูพจน์
- กริยาช่วย have/has: เปลี่ยนเป็น had
คำบอกเวลาใน Past Tense
การใช้คำบอกเวลาใน Past Simple Tense ช่วยให้เราสามารถอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตได้อย่างชัดเจนและช่วยให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
- Yesterday (เมื่อวาน)
- Last night (เมื่อคืน)
- Last week (อาทิตย์ที่แล้ว)
- Last month (เดือนที่แล้ว)
- Last year (ปีที่แล้ว)
- In (ช่วงเวลาในอดีต) เช่น in 1998, in June
- On (วันในอดีต) เช่น on Monday, on July 4th
- At (เวลาในอดีต) เช่น at 6 o’clock, at noon
กริยาปัจจุบัน (Present Tense)
ใช้ในการอธิบายเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือเหตุการณ์ที่เป็นความจริงเสมอ ตัวอย่างเช่น
I am studying English right now. ฉันกำลังเรียนภาษาอังกฤษในขณะนี้
ในกรณีที่ใช้กริยาช่วย (auxiliary verbs) เช่น “be,” “have,” “do” สามารถใช้ “am,” “is,” “are,” “have,” “has,” “do,” “does”
I am studying English at the moment. ในขณะนี้ฉันกำลังเรียนภาษาอังกฤษ
He has a lot of experience in teaching English. เขามีประสบการณ์สอนภาษาอังกฤษมากมาย
หลักการใช้คำกริยาช่วยใน กริยาปัจจุบัน Present Tense
1. Be: เป็นกริยาช่วยใช้เพื่อระบุสถานะหรือลักษณะของเรื่องที่กำลังพูดถึง ได้แก่ “am,” “is,” “are,” โดยที่:
- Am ใช้กับ “ I ” เท่านั้น
- Is ใช้กับประธานที่เป็นเอกพจน์หรือ “He, She, It”
- Are ใช้กับประธานที่เป็นพหูพจน์หรือ “You, We, They
2. Have: เป็นกริยาช่วยใช้เพื่อแสดงการมีอยู่ของบางสิ่ง ซึ่งในกริยาปัจุบันจะมีอยู่เพียง 2 คำได้แก่ “Have” และ “Has”
- Has ใช้กับประธานที่เป็นเอกพจน์หรือ “He, She, It”
- Have ใช้กับ “I” หรือประธานที่เป็นพหูพจน์เช่น “You, We, They”
3. Do: เป็นกริยาช่วยใช้เพื่อเติมเต็มประโยคและแสดงคำถามซึ่งในกริยาปัจจุบันจะมีอยู่เพียง 2 ได้แก่ “Do” และ “Does”
- Does ใช้กับประธานที่เป็นเอกพจน์หรือ “He, She, It”
- Do ใช้กับ “I” หรือประธานที่เป็นพหูพจน์เช่น “You, We, They”
คำบอกเวลาใน Past Tense
การใช้คำบอกเวลาใน Present Tense ช่วยให้เราสามารถอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน และช่วยให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
- Now (ตอนนี้)
- At the moment (ขณะนี้)
- Currently (ในปัจจุบัน)
- Today (วันนี้)
- Tonight (คืนนี้)
- This week/month/year (สัปดาห์/เดือน/ปีนี้)
- Always (เสมอ)
- Usually (โดยปกติ)
- Often (บ่อย)
- Sometimes (บางครั้ง)
- Rarely (นานครั้ง)
- Never (ไม่เคย)
กริยาอนาคต (Future Tense)
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมักใช้กริยาช่วย (auxiliary verbs) ในการสร้าง Future Tense ดังนี้
1. Will + Verb:
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลง หรือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติ เช่น
I will visit my grandmother tomorrow. They will be arriving at the airport at 8 pm.
2. Be going to + Verb:
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือการกระทำที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยอ้างอิงจากเหตุการณ์หรือสิ่งที่เรามีความจริงจากการพูดคุยกัน หรือการวิเคราะห์เหตุการณ์ เช่น
They are going to have a party tomorrow. She is going to be a doctor.
3. Present Continuous Tense: (Subject + Verb-ing+ Object )
ใช้เพื่ออธิบายการเตรียมการหรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในขณะนี้ โดยมักใช้กับกิจกรรมที่เป็นเหตุการณ์อนาคตที่กำลังการดำเนินการ เช่น
I am meeting my friends later. They are arriving tomorrow morning.
4. Future Continuous Tense: (Subject + will be + Verb-ing+ Object )
ใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์หรือกิจกรรมที่จะกำลังเกิดขึ้นในอนาคต โดยเน้นเวลาที่กำลังเกิดขึ้น เช่น
At 7 pm tonight, I will be watching a movie. They will be traveling to Japan next month.
คำบอกเวลา ใน Future Tense
การใช้คำบอกเวลาใน Future Tense ช่วยให้เราสามารถกำหนดเวลาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างชัดเจน และช่วยให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
- Tomorrow (พรุ่งนี้)
- Next week/month/year (สัปดาห์/เดือน/ปีหน้า)
- In + ช่วงเวลา (ในช่วงเวลา)
- At + เวลา (เวลา)
- By + เวลา (โดยก่อน)
- In a few hours/days/weeks (ในไม่กี่ชั่วโมง/วัน/สัปดาห์)
- Soon (เร็ว ๆ นี้)
- Later (ในภายหลัง)
- This evening/afternoon/morning (เย็น/บ่าย/เช้านี้)
- Next month/year (เดือน/ปีหน้า)
ในการใช้กริยาต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษ นักเรียนควรระมัดระวังในการเลือกใช้ tense ให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ที่ต้องการอธิบาย เพื่อให้ประโยคมีความสมบูรณ์และถูกต้องทาง TOP5 Englishยังมีคอร์สเรียนออนไลน์สำหรับการปูพื้นฐานหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะและเพื่อนำไปใช้ในการสื่อสารในงานต่างๆ โดยผู้เรียนสามารถเรียนตามเวลาที่ตนสะดวกและสามารถนั่งเรียนจากที่ไหนก็ได้ผ่านมือถือ แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังมีผู้สอนที่มีประสบการณ์และคุณภาพที่มีคุณภาพซึ่งสามารถให้คำแนะนำและสอนภาษาอังกฤษให้กับผู้เรียนได้อย่างมืออาชีพ
แจกฟรีหนังสือคำศัพท์
ภาษาอังกฤษทางธุรกิจ
- 10 หัวข้อสำคัญทางธุรกิจ
- 100 คำศัพท์
- พร้อมตัวอย่างทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
แล้วคุณล่ะพร้อมรึยัง
วัดระดับภาษาอังกฤษ ฟรี!
กับอาจารย์เจ้าของภาษา