แล้วคุณล่ะพร้อมรึยัง
ติดต่อเราวันนี้ รับเลยทดสอบพูด
วัดระดับภาษาอังกฤษ ฟรี!
กับอาจารย์เจ้าของภาษา
วัดระดับภาษาอังกฤษ ฟรี!
กับอาจารย์เจ้าของภาษา
สำเนียงภาษาอังกฤษโดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้เป็นสำเนียงภาษาอังกฤษแบบบริติชและภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน ซึ่งแต่ละสำเนียงก็ถูกนำไปใช้ในแต่ละพื้นที่ของโลกแตกต่างกันออกไป โดยประเทศที่มีการพูดสำเนียงภาษาอังกฤษแบบบริติชคือประเทศในกลุ่มสหราชอาณาจักรเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ อังกฤษ สกอตแลนด์ เวลล์ และไอร์แลนด์ ส่วนสำเนียงภาษาอังกฤษแบบอเมริกันจะได้รับความนิยมมากกว่า
จากข้อมูลการศึกษาใน The Guardian พบว่า ภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันมีอิทธิพลในหลายเมืองของยุโรป ไม่ว่าจะเป็น มาดริด ปารีส อัมสเตอร์ดัม เบอร์ลิน เป็นต้น นอกจากนั้นก็ยังมีอิทธิพลในประเทศแอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์มากขึ้นด้วย ซึ่งหนึ่งในปัจจัยหลักก็คืออิทธิพลของภาษาอังกฤษแบบอเมริกันในอุตสาหกรรมภาพยนตร์จากอเมริกานั่นเอง
ในบทความนี้เราจะมาดูไปพร้อม ๆ กันว่าความแตกต่างระหว่าง British English กับ American English หลัก ๆ ทั้งหมด 5 ข้อมีอะไรบ้าง
คำศัพท์ภาษาอังกฤษหลายคำที่มีการเขียนสองแบบคือคำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบบริติชและคำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันตัวอย่างคำศัพท์ที่เขียนต่างกันสำหรับสองสำเนียงบริติช/อเมริกัน ได้แก่ trousers/pants, flat/apartment, queue/line, film/movie, mate/buddy เป็นต้น
นอกจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มีความหมายเดียวกันแต่เขียนกันคนละแบบแล้ว ก็ยังมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มีความหมายเดียวกันแต่สะกดคำคนละแบบด้วย ตัวอย่างของการสะกดคำที่แตกต่างกันระหว่างสองสำเนียงภาษาอังกฤษแบบบริติช/อเมริกัน ได้แก่ theatre/theater, colour/color, analyse/analyze, ageing/aging, behaviour/behavior เป็นต้น
ความแตกต่างระหว่าง British English กับ American English ที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้คือการสะกดคำของรูปกริยาในอดีตที่แตกต่างกัน โดยตัวอย่างของการสะกดคำกริยาช่อง 2 ที่แตกต่างกันระหว่างสองสำเนียงภาษาอังกฤษแบบบริติช/อเมริกัน ได้แก่ learnt/learned, dreamt/dreamed, burnt/burned ซึ่งจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่เราจะคุ้นเคยกับคำที่ลงท้ายด้วย ed มากกว่า t สำหรับกริยาช่องสองหรือกริยาในอดีต
นอกจากคำศัพท์และการสะกดคำที่เป็นความแตกต่างระหว่าง British English กับ American English แล้ว ไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษแบบบริติชและภาษาอังกฤษแบบอเมริกันก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น
ทีนี้เราก็ได้เรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง British English กับ American English ถึง 5 ข้อด้วยกัน ซึ่งแต่ละคนอาจจะคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษแบบบริติชและภาษาอังกฤษแบบอเมริกันในแบบที่แตกต่างกันออกไป หรือคุ้นเคยทั้งสองแบบรวมกัน และนั่นก็ไม่เป็นปัญหาเลย เพราะจุดประสงค์ของการใช้ภาษาคือการสื่อสารให้เข้าใจกัน อาจจะมีการใช้แบบผสมกันก็ไม่ได้ผิดอะไร
อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้ถึงความแตกต่างระหว่าง British English กับ American English ให้มากขึ้น จะทำให้เราเข้าใจถึงความหลากหลายของภาษาอังกฤษว่ามีหลายแบบ ใช้ได้มากกว่าหนึ่งรูปแบบ และไม่ได้มีรูปแบบตายตัว นอกจากนั้นยังสามารถนำไปเขียนงานวิชาการได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้นด้วย หากชื่นชอบในภาษาอังกฤษแบบสำเนียงไหนมากกว่า ก็สามารถไปเจาะลึกในแต่ละหัวข้อเพิ่มเติมได้ และยิ่งถ้ารู้ทั้ง 2 แบบก็ยิ่งเท่และทำให้การเรียนภาษาของคุณสนุกมากขึ้นไปอีก